วันอังคารที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2555

ไปขอพร...ถึงสุดแดนบุญ...บนเทือกเขา"คิชกูฌฏ..." กลับมาได้รับข่าวดี

 

  "เธอเราอยากจะไปขอพร...ที่เขาคิชฌกูฎ...จังเลย...อีก 2 วันก็จะปิดเขาไม่ให้ขึ้นแล้ว... " ภรรยาของผมเปรยขึ้น...ในขณะที่เธอนั่งดู ที.วี. และผมก็กำลังนั่งอ่าน...

เรื่องราวต่างๆ...จาก BG... OK NATION  อยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์...

 "ไปสิ...เราก็อยากจะไปเหมือนกัน...ขายของมา 7-8 ปีแล้วยังไม่เคยไปเลย..."

พร้อมกับเรียกภรรยา...ของผมมาดูเรื่อง เขาคิชฌกูฎ...ที่มี BG ท่านนึง ไปมาและเขียนเล่าเรื่องราวพอดีเลย...

  พอตกลงวันเดินทางกันเรียบร้อย...ภรรยาผมก็เลยโทรไปชวนเพื่อนบ้าน...อีกคน คือแม่น้องอาร์ม...ซึ่งในปีนี้ น้องอาร์มและน้องเชมลูกชายผม...จบ ม.3 และกำลังเข้าครอสที่สัตหีบ...เพื่อเตรียมตัวสอบเข้า โรงเรียนเตรียมทหาร...ผู้เป็นพ่อและแม่...ก็เลยดั้นด้น...ไปปีนเขาเพื่อขอพรให้ลูกชาย...

 

    ผมออกเดินทางจากบ้านไปรับแม่น้องอาร์ม...ตี 4 กว่าๆ...

การเดินทางไปเขาคิชกูฎ...ครั้งนี้ เราไปกันแค่ 3 คน ...ช่วงระยะทางจากบ้านพัทยา...ไปเขาคิชฌกูฎ...เราก็คุยกันตลอดทางถึงเรื่องราวการเรียนของลูกชาย...

และแม่น้องอาร์มก็คุยเรื่อง...ของเขาคิชกูฎ...ว่าเคยไปมาแล้วครั้งนึง...นั่งรถขึ้นเขาเสียวมาก...หนทางชัน...พอภรรยาผมได้ยินเข้าก็แหยงๆเหมือนกัน...

  ผมไปถึงลานจอดรถด้านล่างก่อนขึ้นเขาคิชฌกูฎ...ประมาณ 6 โมงกว่าๆ...


                                                     ลานจอดรถด้านล่าง

และทำการไหว้...นมัสการ...และขอพรตามจุดต่างๆ ที่ทางวัดกำหนดไว้ 4-5 จุดด้านล่าง...ก่อนที่จะไปซื้อตั๋วเพื่อนั่งรถขึ้นเขา วันที่ผมไป...ผมว่าคนน่าจะน้อยนะ...เพราะ..ไม่ต้องเข้าคิวรอนาน...


  พอซื้อตั๋วเสร็จ...เราก็ได้ขึ้นรถเลยครับ...ถนนในช่วงแรกที่ออกจากวัดผ่านเขื่อนก็ยังราดยางอยู่หรอกครับ...พอถึงเขื่อนแล้วเลี้ยวขึ้นเขานี่สิครับ...จะเริ่มเห็นถนนที่

เป็นคล้ายดินภูเขาสูงชัน...เลี้ยวหักศอก ไปมา...คนขับรถต้องชำนาญมากๆครับ...

บางครั้งออกเลนซ้าย...บางครั้งออกเลนขวา...ในจังหวะที่ขับสวนกัน...และคันขับรถแต่ละคันต้องรู้โค้งไหนจะออกซ้าย...โค้งไหนจะออกขวา...ก็เป็นที่น่าหวาดเสียวไปตามๆกันครับ...บางคันที่มีวัยรุ่นเยอะหน่อยก็ส่งเสียงร้องกรี๊ดๆ...

เป็นที่สนุกสนานปน หวาดเสียว...


การนั่งรถขึ้นเขา คิชฌกูฎ...ต้องนั่งถึงสองต่อครับ...พอขึ้นมาถึงจุดพระศิวลี...ต้องซื้อตั๋วเพื่อจะต่อรถอีกทอดนึง...เรื่องหนทางก็พอๆกันทั้งสองช่วงคือหวาดเสียว...

พอกันครับ...ถ้าเกิดฝนตกก็...จบข่าว...ขึ้นไม่ได้และถนนลื่นแน่นอน...

เมื่อทำการต่อรถขึ้นมาถึงจุดที่ต้องเดินขึ้นเขา ผมต้อง... อึ่ง... ปน... ทึ่ง...ที่ขึ้นมาเจอกับประชาชน ผู้ มีจิตศรัทธามากมายจากทั่วทุกสารทิศ...เมื่อผมสอบถามดู...

มีทั้งมาจาก ภาค อิสาน กลาง ใต้ เหนือ...นั่นหมายความว่า 

พระพุทธบาทพลวง...บนเขาคิชฌกูฎนั่นผู้คนมีความศรัทธามากมาย...และบางคนก็...

มานมัสการกันทุกปี...ทั้งลูกเด็ก เล็กแดง หรือแม้กระทั่งคนแก่ คนเฒ่า....


เมื่อขึ้นมาด้านบนในช่วงที่ต้องเดิน ขึ้นเขาไปนมัสการ พระพุทธบาทพลวง...ต้องเดินเบียดเสียดกับมหาชนที่มีความศรัทธาอย่างแรงกล้า...ต่อพระพุทธบาท...


 

ทุกคนเดินขึ้นเขา...อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย...สภาพอากาศ บนเขาจะไม่ร้อนและเย็นสบาย...ถึงจะเบียดเสียดกัน...อย่างไร...ก็ตาม...

ผมเดินขึ้นมา...จะสังเกตุ เห็นเงินที่ผู้มีจิตศรัทธาบริจาค แขวนหรือติดตามทางเดินผู้คนมากมายลอดผ่านไปมา...ก็ไม่เห็นมีใคร ที่จะไปแตะต้อง หรือขโมยหยิบเงินนั้นเลย... ไม่มีการประกาศว่า มีมิดฉาชีพ...ล้วงกระเป๋า...หรือให้ระวังกระเ๋ป๋าจะโดนกรีด...ก็นน่าทึ่งเหมือนกันครับ...


                                                     เงินผู้บริจาคที่มีจิตศรัทธาจะแขวนอยู่เป็นระยะ



                                                 ทางเดินขึ้นจะเห็นระฆังแขวนเป็นระยะ


                                  จะเห็นภาพคนแก่คนเฒ่าจูงมือกันขึ้นเขามากมายอย่างไม่น่าเชื่อ


                                         ถึงแล้วครับรอยพระพุทธบาทพลวง เขาคิชฌกูฎ


                                                                ชมวิวทิวทัศน์ด้านบนครับ


                                                         พวกเราเดินไปจนถึง จุด ผ้าแดง



ในการที่ผมไปขอพรครั้งนี้...หลังจากที่ กลับถึงบ้าน ผมก็ได้รับข่าวดีว่า...ลูกชายผมและน้องอาร์ม...สอบติดจ่าอากาศ ในรอบแรกทั้งสองคน...
ก็ชื่นใจ...ทั้งผู้เป็น พ่อและแม่...ที่อุตส่าห์ ดั้นด้น ไปปีนเขา ขอพร ถึงยอดเขา...
"คิชฌกูฎ"...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น